เลสเตอร์ ตกเป็นข่าวว่าเตรียมที่จะเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในการคว้าตัว เบน กริสต์ กองกลางดาวรุ่งของ กริมสบี้ ทาวน์ มาร่วมทีม

    หลังจากที่พลพรรค จิ้งจอก เพิ่งจะบุกเอาชนะ ผีแดง 2-1 ถึงถิ่นโอลด์ แทร็ฟอร์ด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พวกเขากำลังที่จะมอบความพ่ายแพ้ให้กับ ยูไนเต็ด อีกครั้งในเวลาเพียงไม่กี่วัน เมื่อใกล้ที่จะเซ็นสัญญากับดาวเตะวัย 16 ปี แม้ว่าเจ้าหนูรายนี้จะได้รับความสนใจอย่างจริงจังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

    กริสต์ กองกลางพรสวรรค์สูงนั้นมีชื่อในทีมชุดใหญ่ของ กริมสบี้ ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี โดยที่ผ่านมาก็มีข่าวเชื่อมโยงกับหลายทีมอย่าง ลิเวอร์พูล และ เชลซี ด้วย

    ตามแหล่งข่าวจาก กริมสบี้ ที่ล่าสุดตกชั้นจากลีก ทู เปิดเผยว่าตอนนี้ถิ่นคิว เพาเวอร์ สเตเดี้ยม คาดว่าจะเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปของดาวรุ่งรายนี้

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ชี้ว่าทีมแสดงให้เห็นแล้วว่ามีศักยภาพในการต่อกรกับเหล่าบรรดาสโมสรที่ถูกยกให้เป็น “บิ๊ก 6” ของตาราง

“สุนัขจิ้งจอก” เตรียมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนฯ ซิตี้ ในเกมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้ โดยเกมแรกที่เจอกันที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ทีมทำได้อย่างยอดเยี่ยมบุกถล่มไปด้วยสกอร์ 5-2 โดยในซีซั่นนี้เจอกับทีม “บิ๊ก 6” มาแล้ว 8 เกมเก็บไปถึง 16 คะแนน

ในปีนี้ทีมเอาชนะทีมหัวแถวของประเทศมาหมดทั้ง ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมเอฟเอ คัพ ล่าสุด ซึ่งทาง ร็อดเจอร์ส ชี้ว่าทีมแสดงให้เห็นแล้วว่ามีดีกับการเผชิญหน้ากับเหล่าทีมใหญ่ของลีก

“มันเป็นอะไรที่ยาก ยากอย่างมากเสมอกับการเล่นในระดับนี้ แต่เราแสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวเมื่อเราสามารถเล่นในระดับสูงสุดในเกมของเรา เราสามารถสู่กับบรรดาทีมที่เรียกว่า ‘บิ๊ก 6’ ได้” ร็อดเจอร์ส กล่าว

“เราทำได้ดีในหลายๆเกม มันมาจากความสมบูรณ์แบบ มันมาจากเวลาที่ทำงานร่วมกันและจากนักเตะ เมื่อคุณคว้าชัยชนะ 1 หรือ 2 ครั้ง คุณจะได้ความมั่นใจว่าสามารถทำได้ดียิ่งกว่านี้”

“มันเป็นสิ่งที่เราทำกันมาอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้และผมหวังว่าเมื่อจบฤดูกาล เราจะมีคะแนนมากกว่านี้”

เลสเตอร์ ซิตี้ อาศัยลูกฮึดไล่ตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด สองครั้งสองครา จนสามารถแบ่งแต้มได้ที่ผล 2-2 แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือปิดโอกาสปีศาจแดงขึ้นทาบสถิติชนะฐานะทีมเยือนมากสุดตลอดกาลร่วมฟุตบอลลีก

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เลสเตอร์ 2- แมนฯ ยูไนเต็ด 2

ผู้ทำประตู : 0-1 แรชฟอร์ด น.23, 1-1 บาร์นส์ น.31, 1-2 บรูโน่ น.79, 2-2 ตวนเซเบ้ (เข้าประตูตัวเอง) น.85

สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม 

เลสเตอร์ ชุดเก่ง เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ เจมี่ วาร์ดี้ ทีเด็ดแดนหน้า หวังทวงแค้นเกมปล้นตั๋วชปล.ซีซั่นก่อน 

ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด เซอร์ไพรส์สองตำแหน่งให้ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ออกมาเล่นแบ็กขวาแล้วใช้ เอริค ไบยี่ เป็นเซนเตอร์แบ็ก ขณะที่แนวรุก แดเนี่ยล เจมส์ เบียดเล่นตัวจริงทางขวา

‘ปีศาจแดง’ พลาดโอกาสขึ้นนำนาทีที่ 2 บอลต่อเป็นทอดๆมาทางซ้ายถึง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ชิพเข้ากรอบถึงเสาไกลกะให้ มาร์คุส แรชฟอร์ด สอดมาโหม่งแค่ 5 หลาแต่กดไม่ลงแบบน่าเจ็บใจ 

ยูไนเต็ด ขึ้นนำจนได้ 1-0 นาที 23 บอลทุ่มทางขวาสลับตำแหน่งไป-มา เจมส์ ไหลเข้ากลางถึง บรูโน่ แม้แตะสุดปลายเท้าแต่กลายเป็นดีลูกทะลุช่องถึง แรชฟอร์ด ในกรอบทางซ้ายยิงจังหวะเดียวตุงตาข่าย 

อย่างไรก็ตามนาที 31 ฟ็อกซ์ ตีเสมอ 1-1 เพราะการไปปั๊มแย่งบอลจากเท้า แรชฟอร์ด แล้วไหลไปหน้ากรอบทางซ้ายถึง บาร์นส์ แต่งหาช่องสับไกเท้าซ้าย 21 หลา พุ่งเบียดเสาไม่เหลือซาก จบครึ่งแรกผลนี้ 

กลับมาครึ่งหลังโอกาสจะแจ้งเป็นของ ยูไนเต็ด นาที 60 ส่งบอลตุงตาข่ายจากจังหวะสวนกลับที่แทงให้ มาร์กซิยาล หลุดเดี่ยวไปยิงใส่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล แต่โดนวีเออาร์ริบเพราะล้ำหน้าเสียก่อน 

อีกครั้งที่ทีมเยือนลุ้นสกอร์จากนั้น 8 นาทีฟรีคิกหน้ากรอบเยื้องทางซ้ายตักลึกถึงเสาไกล แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ขึ้นโหม่งชนะตัวประกบในกรอบ 6 หลาแต่กดไม่ลง 

จนนาที 79 ทีมเยือนขึ้นนำจนได้ 2-1 จุดเริ่มจากตัวสำรอง เอดินสัน คาวานี่ ถอนลงมารับบอลต่ำจนตัวประกบหลุดตำแหน่ง ถูกเลี้ยงหนีแล้วแทงทะลุช่องให้ บรูโน่ สอดจากซ้ายมาขวาของกรอบ ยิงเล่นทางเสียบหน้าต่างเสาไกลเหนือชั้น 

เจ้าบ้านไม่ยอมตีเสมอ 2-2 นาที 85 อาโยเซ่ เปเรซ ตัวสำรอง เลสเตอร์ สอดไปรับบอลสุดเส้นทางขวาแล้วตบหักมาที่จุดนัดพบ วาร์ดี้ ถอนลงมาหวดตุงตาข่าย 

         อย่างไรก็ตามเวลาต่อมาพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทวีตบอกสกอร์นี้เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ แอ็กเซิ่ล ตวนเซเบ้ กองหลังสำรอง ยูไนเต็ด

ทดเจ็บสี่นาทีไม่มีประตูเพิ่มจบเกมเสมอ 2-2 ไม่สามารถทำแต้มขึ้นไปกดดันจ่าฝูง ลิเวอร์พูล แถมมีโอกาสที่ทีมตามจะแซงขึ้นมาแย่งอันดับ 2 – อันดับ 3

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    เลสเตอร์  : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – เจมส์ จัสติน, เวสเล่ย์ โฟฟาน่า, จอนนี่ อีแวนส์, ทิโมธี คาสตานเย่ – วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ยูริ ตีเลมันส์ – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ – เจมี่ วาร์ดี้

    แมนฯ ยูไนเต็ด  : ดาบิด เด เคอา – วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, เอริค ไบยี่, ลุค ชอว์ – เฟร็ด, สอตต์ แม็คโทมิเนย์ – แดเนี่ยล เจมส์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล 

ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ เลสเตอร์ ออกมายืนยันว่าภูมิใจในทีมเลสเตอร์ซฺตี้มากที่สุดแล้ว แม้สุดท้ายจะพลาดหวังจากโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งที่กำไว้ในมือมาเกือบตลอดทั้งซีซั่นก็ตาม

“มันเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่แน่นอนว่าเราต้องมาเสียจุดโทษ และจากนั้นเราก็เป็นฝ่ายไล่ตาม เราไม่สามารถทำประตูเพื่อให้เราอยู่ไปถึงสุดทาง”

    “มันน่าผิดหวังในแง่ของผลการแข่งขัน แต่ด้วยมุมมองในฤดูกาล ผมภูมิใจกับทีม มันเป็นอันดับสูงที่สุดลำดับสองในประวัติศาสตร์ของเรา ดังนั้นผมจึงภูมิใจกับสิ่งนี้ ปีหน้าเราต้องเพิ่มความคงเส้นคงวา ความทะเยอทะยานในทีม และพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น”

   

   

แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ เมื่อบุกชนะ เลสเตอร์ 2-0 จากจุดโทษของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และลูกปิดกล่องช่วงทดเจ็บของ เจสซี่ ลินการ์ด ทำให้จบในอันดับ 3 ของตารางไปยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ได้สำเร็จ

สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    เลสเตอร์ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล – เจมส์ จัสติน, เวส มอร์แกน, จอนนี่ อีแวนส์ – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ฮัมซ่า เชาดูรี่, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ยูริ ตีเลมันส์, ลุค โธมัส – เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, เจมี่ วาร์ดี้

    แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา – อารอน วาน บิสซาก้า, วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ – ปอล ป็อกบา, เนมาย่า มาติช – เมสัน กรีนวู้ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด – อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล

    ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

11 ตัวจริง ผีแดง ปะทะ จิ้งจอกสยาม

• ไร้ชื่อ ลุค ชอว์

• เปลี่ยนหนึ่งคน – บิสซาก้า แทน โฟซู-เมนซ่าห์

• ระบบการเล่น 4-2-3-1

เดอะ ซัน รายงานวาา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องการปาดหน้าเชลซี คว้า เบน ชิลเวลล์ ฟูลแบ็กวัย 23 ปี ของเลสเตอร์ซิตี้ โดยยื่นข้อเสนอเป็นจำนวนเงิน 60 ล้านปอนด์ให้เลสเตอร์ พิจารณาโดยชิลเวลล์ เพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่กับ เลสเตอร์ ไปจนถึงปี 2024 เมื่อปี 2018

เจมี่ เร้ดแน็ปป์ ฟันธงว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี จะคว้าตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า โดยที่ เลสเตอร์ ซิตี้ หล่นมาอยู่อันดับ 5

“โปรแกรมของ เชลซี ดูจะคว้าชัยชนะได้ง่ายมากกว่า, พวกเขามีสองเกมที่ดูจะยุ่งยาก – เยือน ลิเวอร์พูล และมาเจอ วูล์ฟส์ ในบ้าน” เร้ดแน็ปป์ กล่าวผ่านสกาย สปอร์ตส์

“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจอโปรแกรมในฝันเลย มีแค่การเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งดูจะเป็นเกมที่ยาก, ถ้าคุณดูโปรแกรมคุณคงเลือก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”

“ผมคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อยู่ในตำแหน่งนั้น) ดูจากโปรแกรมที่เหลือและด้วยฟอร์มการเล่นในตอนนี้, ผลงานของ เมสัน กรีนวู้ด และฟอร์มของ บรูโน่ แฟร์นันเดส กับทีม มันเป็นปรากฎการณ์เลย”

“ผมคิดว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และก็ เลสเตอร์ ซิตี้”

แกรม ซูเนสต์ ตำนานลิเวอร์พูลเชื่อว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องเสริมแนวรับก่อนเพื่อเป็นหนึ่งในทีมที่จะท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก

‘ลุคชอว์มีเป็นฟูลแบ็คที่มีความครบแต่ก็ยังสามารถทำให้ตัวเองผอมลงและดุดันให้มากกว่านี้ได้ในขณะที่เราต้องรอดูว่าวิกเตอร์ลินเดลอฟคู่กับแฮร์รี่แมกไกวร์ในระยะยาวได้หรือไม่ แมกไกวร์มักจะสร้างความแตกต่างใหญ่เสมอ เขาไม่ใช่ ฟานไดค์ แต่เขาเป็นผู้เล่นที่ดี ผมคิดว่าโซลชาร์ ยังคงมองไปที่มันและตั้งคำถามกับบางคนถามตัวเองว่าพวกเขาจะชนะฉันในพรีเมียร์ลีกหรือแชมเปียนส์ลีกหรือไม่”

“ผมคิดว่าคนที่สามารถแก้ปัญหาเกมรับของพวกเข้าได้ก็คือ โซยุนคู ปราการหลังชาวตุรกีวัย 24 ของเลสเตอร์ซิตี้เข้าเป็นผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งรวดเร็วและเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เขาเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมที่จะเสริมทัพในแดนหลังของซัมเมอร์นี้”